วัสดุ: อื่นๆ ประเภทสิทธิบัตร: สิทธิบัตรการออกแบบ การปรับแต่งการประมวลผล: ไม่ สไตล์: อื่นๆ หมายเลขสินค้า: Xiao Yan-619208001763 หมายเลขสิทธิบัตร: ดูคำอธิบาย โอกาสในการให้ของขวัญที่ใช้บังคับ: อื่นๆ ความสัมพันธ์ในการให้ของขวัญที่เกี่ยวข้อง: อื่นๆ เทศกาลที่เกี่ยวข้อง: อื่นๆ วัตถุประสงค์ของขวัญ: อื่นๆ เป็นของขวัญไหม: ไม่ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งส่งออกข้ามพรมแดนที่ผูกขาดของการจัดหา: No พื้นที่ขายหลัก: อื่นๆ แพลตฟอร์มดาวน์สตรีมหลัก: อื่นๆ
พิจารณาด้านการขาย ( Sales Oriented Objectives) 3. เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา ( Stabilize Price Objectives) 1. วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาโดยพิจารณาด้านกำไร วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาโดยพิจารณาด้านกำไรนั้นหมายความว่า ใช้กำไรเป็นตัวกำหนด หรือหลักในการพิจารณาว่าราคาควรอยู่ระดับใดแบ่ง ได้ 2 อย่างคือ 1. 1 เพื่อได้ตอบแทนตามเป้าหมาย ( Target Return) คือเป็น การตั้งเป้าหมายไว้ก่อนว่าต้องการกำไรเป็นจำนวนเงินคงที่เท่าใด อาจคิดเป็นจำนวนเงินหรือคิดเป็นกำไรเป็นร้อยละเท่าใดจากเงินลงทุน หรือร้อยละราคาขาย แล้วจึงคำนวณว่าจะตั้งราคา ณ ระดับใดจึงจะ ได้กำไรตามเป้าหมาย 1. 2 เพื่อได้ผลตอบแทนสูงสุด ( Maximize Profit) คือการกำหนดราคาเพื่อ ให้ได้กำไรสูงสุดนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์จะพิจารณาตั้งราคาตรงจุดที่ ต้นทุนเพิ่มต่อหน่วย = รายได้เพิ่มต่อหน่วยคือ Marginal Cost (MC) = Marginal Revenue (MR) 2. วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาโดยพิจารณาด้านการขายแบ่งได้เป็น 3 อย่าง คือ 2. 1 เพื่อเพิ่มปริมาณการขาย ( Increased Sales) คือการตั้งราคาให้ต่ำ แต่ต้องคำนึงด้วยว่าจะต้องไม่ต่ำกว่าต้นทุน และควรเป็นราคาที่ทำให้ขายได้มาก ที่สุด 2. 2 เพื่อรักษาสัดส่วนของการถือครองตลาด ( Maintain Market Share) คือการตั้งราคาเพื่อให้กิจการดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้กำไรพอ สมควรแต่มียอดการจำหน่ายในสัดส่วนคงที่ 2.
วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคา แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. พิจารณาด้านกำไร (Profit Oriented Objectives) 2. พิจารณาด้านการขาย (Sales Oriented Objectives) 3. เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา (Stabilize Price Objectives) 1. วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาโดยพิจารณาด้านกำไร วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาโดยพิจารณาด้านกำไรนั้นหมายความว่า ใช้กำไรเป็นตัวกำหนด หรือหลักในการพิจารณาว่าราคาควรอยู่ระดับใดแบ่ง ได้ 2 อย่างคือ 1. 1 เพื่อได้ตอบแทนตามเป้าหมาย (Target Return) คือเป็น การตั้งเป้าหมายไว้ก่อนว่าต้องการกำไรเป็นจำนวนเงินคงที่เท่าใด อาจคิดเป็นจำนวนเงินหรือคิดเป็นกำไรเป็นร้อยละเท่าใดจากเงินลงทุน หรือร้อยละราคาขาย แล้วจึงคำนวณว่าจะตั้งราคา ณ ระดับใดจึงจะ ได้กำไรตามเป้าหมาย 1. 2 เพื่อได้ผลตอบแทนสูงสุด (Maximize Profit) คือการกำหนดราคาเพื่อ ให้ได้กำไรสูงสุดนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์จะพิจารณาตั้งราคาตรงจุดที่ ต้นทุนเพิ่มต่อหน่วย = รายได้เพิ่มต่อหน่วยคือ Marginal Cost (MC) = Marginal Revenue (MR) 2. วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาโดยพิจารณาด้านการขายแบ่งได้เป็น 3 อย่าง คือ 2. 1 เพื่อเพิ่มปริมาณการขาย (Increased Sales) คือการตั้งราคาให้ต่ำ แต่ต้องคำนึงด้วยว่าจะต้องไม่ต่ำกว่าต้นทุน และควรเป็นราคาที่ทำให้ขาย ได้มาก ที่สุด 2.
การตั้งราคาให้แตกต่างกัน (Discrimination pricing) เป็นการตั้งราคาให้แตกต่างกันตามลักษณะของลูกค้าหรือความต้องการซื้อของลูกค้า - การตั้งราคาตามกลุ่มลูกค้า - การตั้งราคาตามรูปแบบผลิตภัณฑ์ - การตั้งราคาตามภาพลักษณ์ - การตั้งราคาตามสถานที่ หรือทำเลที่ตั้ง - การตั้งราคาตามเวลา 3. กลยุทธ์การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา (Psychological pricing) เป็นวิะการตั้งราคาที่คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อ - การตั้งราคาตามความเคยชิน (Customary pricing) - การตั้งราคาเลขคี่ หรือเลขคู่ (Odd or ever pricing) - การตั้งราคาสินค้าที่มีชื่อเสียง (Prestige goods pricing) 4. การตั้งราคาสำหรับสินค้าใหม่ (New product pricing) สินค้าใหม่อาจเป็นสินค้าแบบริเริ่ม หรือเป็นสินค้าใหม่แบบปรับปรุง บริษัทมีทางเลือกในการตั้งราคาสินค้าใหม่ ดังนี้ - การตั้งราคาระดับสูง (Market skimming pricing) เป็นการตั้งราคาในระยะเริ่มแรกที่ผลิตภัณฑ์ใหม่วางตลาด เพื่อตักตวงกำไรไว้ก่อน - การตั้งราคาเพื่อเจาะตลาด (Declining product pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าใหม่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด การตั้งราคาระดับต่ำจะทำให้ตลาดทดลองซื้อใช้ และยอมรับสินค้าอย่างรวดเร็ว 5.