ขนาดและลักษณะของที่ดิน ที่ดินที่มีเนื้อที่เท่ากัน ในทำเลใกล้เคียงกันอาจมีราคาต่างกันได้มาก เพราะลักษณะของที่ดินที่แตกต่างกัน เช่น ที่ดินมีลักษณะหน้ากว้าง เกือบเป็นจัตุรัส ก็มีแนวโน้มที่จะมีราคาประเมินสูงกว่าที่ดินที่หน้าแคบ มีลักษณะเป็นแนวลึก 2. สภาพของบ้านและที่ดิน สภาพของบ้านที่พร้อมใช้งาน พร้อมเข้าอยู่อาศัย ไม่มีส่วนชำรุด ต้องปรับปรุง หรืออยู่ในสภาพใหม่กว่าก็ย่อมได้รับการประเมินราคาบ้านที่สูงกว่าบ้านที่สภาพเก่า เช่นเดียวกับลักษณะที่ดิน หากพร้อมใช้ ไม่ต้องปรับปรุงก็จะได้ราคาที่สูงกว่า 3. การคมนาคม การคมนาคมเป็นอีกเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อราคาประเมินค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นถนน การเข้า-ออก จากพื้นที่ หรือระบบขนส่งสาธารณะ บางพื้นที่ถ้าหากมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าหรือขยายถนน ราคาบ้านและที่ดินเหล่านั้นก็จะสูงขึ้นตาม 4. สาธารณูปโภค ระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ น้ำประปาและไฟฟ้า บ้านที่มีครบก็ย่อมได้ราคาประเมินบ้านที่สูงกว่า เช่นเดียวกับการคมนาคม หากพื้นที่นั้นๆ มีแผนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้ดียิ่งขึ้น ราคาประเมินก็จะสูงขึ้นด้วย 5. สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อม ได้แก่ ชุมชน สวนสาธารณะ ธรรมชาติ สถานที่ราชการ ตลาด ห้างสรรพสินค้า และสถานที่/สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ คือ ปัจจัยที่ชี้วัดคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ได้ หากบ้านอยู่ในทำเลที่ใกล้กับสถานที่สำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวก ราคาประเมินบ้านก็จะสูงกว่าบ้านที่อยู่ในบริเวณที่ไม่มีอะไร 6.
ค่าภาษีเงินได้ (ภงด. ) 5. ค่าคำขอ 20 บาท 6. ค่าอากร 5 บาท 7. ค่าพยาน 20 บาท 8. ถ้าบ้านหรือที่ดินที่จำนองธนาคาร เสียค่าจำนอง 1% ของมูลค่าจำนอง สุดท้ายนี้ก่อนตัดสินใจจะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม ควรศึกษารายละเอียดค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ให้ดีๆ รวมถึงตกลงค่าโอน ว่าใครจะเป็นคนออกระหว่างผู้ซื้อหรือผู้ขายหรือจะออกกันคนละครึ่ง เพื่อตกลงค่าใช้จ่ายให้แน่นอนก่อนการซื้อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาทีหลัง ขอขอบคุณ homezoome