ชำระหนี้ตรงเวลา ส่วนใหญ่แล้ว การจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้ตรงเวลาถูกคิดเป็นสัดส่วนที่มากถึง 30-40% ของเครดิตสกอร์เลยทีเดียว ดังนั้น คุณควรทำการตั้งเตือนสำหรับการชำระหนี้ทุกครั้ง บางธนาคารยังมีบริการแจ้งเตือนทาง SMS หรือทางอีเมล เมื่อใกล้ถึงวันกำหนดครบชำระ สำหรับท่านที่ไม่มีเวลา อาจจะใช้บริการตัดผ่านบัญชีอัตโนมัติของธนาคารเลยก็ได้ 3. ลดจำนวนหนี้สินหมุนเวียน การมีหนี้สินน้อยย่อมเป็นผลดีต่อเครดิตสกอร์ของคุณ เนื่องจากจะช่วยลดสัดส่วนหนี้ต่อวงเงินอนุมัติ ดังนั้นคุณจึงควรผ่อนหนี้บัตรเครดิตที่เกิดจากการซื้อสินค้าที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือโน้ตบุ๊คเครื่องใหม่ให้หมดโดยเร็ว 4. ลดการใช้บัตรเครดิต การมีบัตรเครดิตหลายใบ มีความเสี่ยงต่อการใช้จ่ายเกินจำเป็น ส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระ หากคุณชำระบัตรเครดิตไม่เต็มวงเงินทุกใบ และเริ่มชำระขั้นต่ำ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีและอาจก่อหนี้ให้คุณได้ในอนาคต คุณจึงควรใช้บัตรเครดิตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น 5.
Utilization Pattern ยอดหนี้คงเหลือหรือยอดเงินที่ใช้ไปเทียบกับวงเงินสินเชื่อ 2. Debt Burden ยอดหนี้คงเหลือหรือยอดวงเงินที่ใช้ รวมแต่ละประเภทสินเชื่อ 3. Recent Credit จำนวนบัญชีที่เพิ่งเปิดในแต่ละประเภทสินเชื่อ 4. Severity and Recency of Delinquency จำนวนเงินคงค้างล่าสุด 5. Depth of Credit ความยาว (ระยะเวลา) ของประวัติสินเชื่อ ตามแต่ละประเภทสินเชื่อ 6. Thickness of Credit with Good Payment จำนวนบัญชีที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี 7. Available Credit ความยาว (ระยะเวลา) ของสินเชื่อที่มี 8. Enquiry Activity ความถี่ของการสมัครสินเชื่อใหม่ ซึ่ง ข้อมูลที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติใช้ในการเครดิตสกอริ่ง ล้วนแต่เป็นข้อมูลของการขอสินเชื่อ ปริมาณหนี้สิน และการผ่อนชำระคืน ไม่ใช่ข้อมูลทรัพย์สินที่มีอยู่ เช่นบัญชีเงินฝาก หรือหน่วยลงทุนของเจ้าของข้อมูลนั้น คะแนนดี มีประโยชน์อย่างไร? 1. เพิ่มโอกาสให้กับเจ้าของข้อมูลได้รับบริการสินเชื่อ ที่สอดคล้องกับข้อมูลความสามารถในการชำระหนี้ และพฤติการชำระหนี้ของตนเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 2. มีความรู้ที่จะไม่สร้างความเสี่ยงทางการเงินให้แก่เจ้าของข้อมูลเกินสมควร รวมถึงการเพิ่มความรู้ทางการเงิน การบริหารจัดการเงินให้กับเจ้าของข้อมูล 3.
ลดการใช้บัตรเครดิต การมีบัตรเครดิตหลายใบ มีความเสี่ยงต่อการใช้จ่ายเกินจำเป็น ส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระ หากชำระบัตรเครดิตไม่เต็มวงเงินทุกใบ และเริ่มชำระขั้นต่ำ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีและอาจก่อหนี้ให้คุณได้ในอนาคต จึงควรใช้บัตรเครดิตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น 5.
ไปเช็คบูโรมา ได้คะแนน 655 ไม่ผ่าน ของกสิกร อยากรู้ว่าที่อื่นให้คะแนนบูโรเท่าไหร่ถึงผ่านครับ พอดีจะยื่นซื้อบ้าน มูลค่า 2. 25 ล้าน แต่เป็นบ้านมือสอง โดยรวมเครดิตเราจัดว่าดี ถึง ดีมาก เสียดายไม่ได้จดทะเบียนการค้า เพราะว่าทำธุรกิจแบบไม่ได้จดทะเบียนเป็นส่วนตัว แต่ก็มีเครดิตในระดับนึงเพราะว่าทำงานบริษัทด้วย ออกใบรับรองเงินเงินให้เราได้โดยรวม เดือนๆ ทำเงินได้มากกว่า 1 แสนบาท อยากรู้ว่ามีธนาคารอื่นให้เกณเท่าไหร่ถึงผ่านครับ กสิกรบอกต้องถึง 700 ถึงจะผ่านได้ ตอนนี้มีภาระผ่อนรถ 1 คันออกให้คุณแม่ ผ่อนมาได้ 8 เดือนแล้ว แสดงความคิดเห็น
การใช้บัตรเครดิตนี่มีคะแนนด้วยเหรอ?
ชำระครบ เมื่อถึงเวลาที่ต้องชำระยอดบัตรเครดิตแล้ว แนะนำให้ชำระเต็มจำนวนเลย เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยยิบย่อยแล้ว ก็ยังทำให้ผู้ตรวจเช็กเห็นความสามารถในการบริหารจัดการเงินของคุณในแต่ละเดือนด้วยค่ะ เทคนิคอีกข้อที่สามารถนำไปสร้างคะแนนเครดิตได้ คือ การใช้จ่ายต่ำกว่าวงเงิน แต่เป็นจำนวนที่เราชำระได้แน่ ๆ ทุกเดือน สมมติเราได้วงเงิน 15, 000 บาททุกเดือน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ให้เต็มวงเงิน จริงไหมคะ เราอาจจะใช้แค่เดือนละ 5, 000 – 8, 000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เราสามารถจ่ายแบบเต็มจำนวนค่ะ ข้อนี้ก็ถือเป็นการสร้างคะแนนเครดิตที่น่าพิจารณานะคะ 2. ตรงเวลา เข้าใจนะว่าในแต่ละวันเรามีอะไรที่ต้องทำมากมาย แต่อย่าผัดวันประกันพรุ่งสำหรับการชำระเงินค่าบัตรเครดิตเด็ดขาดนะคะ เพราะอาจจะทำให้ดอกเบี้ยบานปลาย แถมยังสะท้อนพฤติกรรมการใช้เงินของคุณอีก ยิ่งถ้าชำระสายทุกครั้งหรือค้างชำระก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ เพราะถ้าเราเผลอใช้บัตรเครดิตนี้ไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะมีหนี้ค้างโดยไม่รู้ตัว เพราะบัตรเครดิตมักจะให้วงเงินมากกว่ารายได้ของเราอยู่แล้วใช่ไหมคะ ถ้าเราใช้เต็มวงเงินทุกเดือนเนี่ย แปลว่า เรามีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้นะ! แถมกว่าจะมีเวลามาชำระทั้งหมด ยอดดอกเบี้ยก็จะสูงเอา ๆ แค่คิดก็กลุ้มแล้วล่ะค่ะ 3.