เป็นเรื่องปกติที่ความรู้สึกแย่ๆ หลังเสียเพื่อนจะชัดเจนกว่าเสมอ แต่ขอให้พยายามคิดบวก จะช่วยให้มูฟออนเร็วขึ้น ลองย้อนคิดถึงสมัยยังเป็นเพื่อนกัน มีความสุขยังไง เรียนรู้อะไรบ้าง พยายามมองเฉพาะด้านดีที่เคยพบเจอ ถือว่าช่วยให้เราเติบโตขึ้นอีกขั้น [6] เช่น ปกติเรากับเพื่อนชอบหาอะไรใหม่ๆ ทำกันทุกอาทิตย์ อย่างน้อยเพื่อนคนนั้นก็ทำให้เราเปิดโลกมากขึ้น ให้กำลังใจตัวเองทุกวัน อารมณ์จะได้ดี มีความมั่นใจ. เวลาคิดลบ ว่าตัวเอง จะทำให้สมองตีบตัน หาทางมูฟออนไม่ได้ ถ้าต่อไปนี้อยากชีวิตดี ให้เริ่มจากพูดแต่เรื่องดีๆ สักเรื่องสองเรื่องของตัวเองทุกวัน ตอนแรกอาจจะดูฝืนๆ แต่ขอให้ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะชินจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเอง [7] เช่น พูดหรือคิดประมาณว่า "เราดีพอสำหรับทุกอย่าง" หรือ "เดี๋ยวก็เจอเพื่อนใหม่ที่สนิทกันได้" ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรดี ลองคิดว่าถ้ามีเพื่อนกำลังไม่สบายใจแบบเดียวกัน เราจะพูดอะไรกับเขา พิจารณาว่าอะไรสำคัญสำหรับเรา จะได้หาคนที่คิดเหมือนกัน. เรามักคบกับคนที่มีแนวคิดหรือหลักการดำเนินชีวิตคล้ายๆ กัน ลองคิดดูว่าถ้ามีเพื่อนแล้วเราจะทำอะไรให้เขา และอยากให้เขาทำอะไรให้เรา เสร็จแล้วเก็บไว้ในใจ พอเจอคนใหม่ๆ ก็พิจารณาว่าเขาตรงตามนั้นหรือเปล่า [8] [9] เช่น ที่ผ่านมาเราเลิกคบเพื่อนที่ชอบว่าร้ายคนอื่นลับหลัง ก็เพราะเราเป็นคนตรงๆ ไม่นินทาใคร เป็นเรื่องปกติที่เรากับเพื่อนจะแยกย้ายกันไปตามทาง หรือมีความคิดความเชื่อที่เปลี่ยนไปตามอายุ 1 อยากทำอะไรมาตลอด ให้รีบทำ จะได้ลืมเรื่องเขา.
5 สร้างความเดือนร้อนต่อสุขภาพอนามัยของชาวเมืองกำแพงเพชร ให้นำ"สระแก้วโมเดล" เป็นตำบลนำร่อง เพื่อแก้ไขปัญหาการเผาอ้อย และทำเป็นตัวอย่างให้กับอำเภออื่นต่อไป" นอกจากนี้ได้มอบนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งจังหวัดกำแพงเพชรจัดการบริหารเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี สามารถอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก(WHO) ที่กำหนดประชากรให้ 100, 000 คนไม่ควรมีคนเสียชีวิตเกินกว่า 16 คนซึ่งจังหวัดกำแพงเพชรมีตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 18 คน จึงขอขอบคุณเจ้าที่ที่ปฎิบัติภารกิจจากทุกภาคส่วน ที่ร่วมทำบุญ ลดการเสียชีวิตบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี จากนั้นนายนิพนธ์รมช.
พูดตรงๆ เลยว่าไม่ให้เพราะอะไร การพูดตรงๆ ว่าไม่ให้ยืม เป็นวิธีที่จริงใจ เจ็บแต่จบ ไม่ยืดเยื้อ เพราะคนที่ถูกยืมใช่ว่าจะเป็นฝ่ายมีเงินก้อนโตเสมอไป การบอกเหตุผลประกอบ น่าจะเป็นการดีที่ทำให้ผู้ยืมเข้าใจ เช่น ตอนนี้การเงินก็ตึงๆ เช่นกัน หรือไม่เคยให้คนสนิทยืมเงินเลย เพราะกลัวเป็นต้นเหตุความสัมพันธ์บาดหมาง เลยตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ให้คนสนิทยืมเงินเด็ดขาด 10.
ให้ไปเลยแต่พอสมเหตุสมผล เพราะเชื่อว่าคนย่อมเดือดร้อนจริงยิ่งในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ แต่หากจะให้ยืม ควรเป็นจำนวนที่พอเหมาะพอดีในแบบที่ตัวเราไม่เดือดร้อน อาจไม่ได้ตอบสนองเงินทั้งหมดที่เขาต้องการ และให้คิดว่าเป็นการให้ครั้งเดียวเท่านั้น อย่างน้อยก็เป็นเกราะป้องกันการยืมครั้งต่อๆ มา หรือถ้ามายืมอีกก็ต้องใจแข็ง อย่าให้เป็นความเมตตาสร้างข้อผิดพลาดเรื้อรังดีกว่า 4. ให้ยืมแบบมีข้อแลกเปลี่ยนชัดเจน ให้ยืมหรือช่วยเหลือใช้หนี้บนข้อแลกเปลี่ยนที่มีการทำสัญญาอย่างจริงจัง เช่น สัญญาต่างตอบแทน โดยอาจใช้วิธีการแลกว่าสามารถทำงานอะไรเพื่อแลกกับเงินก้อนนี้ หรือดูว่าผู้ที่ต้องการใช้เงินมีทรัพย์สินอะไรมาขายเพื่อแลกเป็นเงินก้อน หรือทำเป็นสัญญาเงินกู้ที่นำทรัพย์สินมาจำนำ จดจำนอง หรือเอามาค้ำประกันหนี้ โดยในสัญญาต้องระบุดอกเบี้ย และเบี้ยปรับด้วย เพราะถ้ามีการผิดเงื่อนไขพร้อมยึดทรัพย์สินทันที 5. ช่วยเหลือแบบอื่น หรือหาต้นเหตุของหนี้ การให้ยืมเงินเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากอยากช่วยเขาแบบที่เราก็รอดด้วย ลองมานั่งหาสาเหตุก่อหนี้ ตรวจสอบว่าต้นตอปัญหาอยู่ที่ไหน เพราะคนนอกที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง มักมองเห็นหรือสะท้อนมุมมองที่ชัดเจนกว่าคนที่ตกอยู่ในวงล้อมปัญหา หรืออาจเสนอการช่วยแบบที่เราไม่เสียเงิน เช่น หาช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ๆ เพื่อไม่ให้เงินทองขาดมือ 6.