กัวจ่าฝูงเป็ยจิ้งจอตสีขาวกัวหยึ่ง หลังจาตแปลงร่างเป็ยทยุษน์ กลอดร่างต็สวทใส่ชุดฟูๆสีขาวสะอาด หางใหญ่เป็ยพวงแตว่งไปทาอนู่ด้ายหลัง ถึงแท้ว่าสีหย้าจะดูสงบยิ่ง แก่ว่าหางขยาดใหญ่ของทัยตลับเคลื่อยไหวไปทาไท่ทีหนุด มั่วมั้งหุบเขาหทื่ยปีศาจก่างต็รู้ตัยดีว่าพวตทยุษน์ยั้ยทิใช่กัวดีอะไร โหดเ**้นท เห็ยแต่กย ตระหานเลือดและบ้าอำยาจ มี่สำคัญพวตทัยติยมุตอน่าง!
หมิงยู่ถามขึ้น หลิงยี่เทียนยิ้มและถามกลับ "ถูกต้องแล้ว ว่าแต่ท่านมีปัญหาอะไรรึเปล่าทำไมจู่ ๆ ถึงออกมาหาข้าแบบนี้? " หมิงยู่พยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นข้าจะขอติดตามไปช่วยท่านรบด้วย ก่อนหน้านี้ตอนที่ผู้ส่งสาสน์ของสำนักข้าลงมาจากโลกเบื้องบน เขาได้สร้างกรรมใหญ่โดยการเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตมากมายในอาณาเขตวิญญาณโลหิตรวมไปถึงคร่าชีวิตมนุษย์ด้วย ดังนั้นข้าขอใช้โอกาสนี้เป็นการทำความดีชดใช้ให้กับความสูญเสียที่เผ่ามนุษย์ได้รับและเมื่อไหร่ที่เผ่าอสูรถูกทำลาย ข้าจะทำตามคำชี้แนะของนายท่าน ซึ่งก็คือข้าจะย้ายสำนักไปตั้งที่เขตแดนอุดรทมิฬเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับเผ่ามนุษย์เกิดขึ้นอีก ข้าหวังว่านายน้อยที่เป็นราชันย์แห่งมวลมนุษย์จะอนุญาต" หลิงยี่เทียนรีบตอบกลับทันที "ถ้างั้นข้าคงต้องขอรบกวนเจ้าสำนักหมิงด้วยก็แล้วกัน! " แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือที่หมิงยู่เสนอให้แน่นอน ส่วนเรื่องของการย้ายที่ตั้งสำนักนั้นเนื่องจากพ่อของเขาเป็นคนชี้แนะหมิงยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก หากสำนักวิญญาณโลหิตยังคงตั้งอยู่ที่นี่ต่อไป อีกไม่ช้าก็เร็วมันก็คงมีปัญหาอีก ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดจริง ๆ หากหมิงยู่ย้ายสำนักไปที่เขตแดนอุดรทมิฬ
หากว่านางจำไม่ผิด นางเป็นเจ้าตำหนักคนที่ 9 สมาชิกเต็มเร็วขนาดนี้เลยหรือ "ขอรับ เมื่อพันปีที่แล้ว เทพเสวียนเซียนหรูหรงอายุไม่ถึงหมื่นปีก็บรรลุขั้นเป็นเซียนสุขาวดี กลายเป็นเจ้าตำหนักหรูหรง พวกข้าได้ส่งของขวัญในนามของท่านไปให้นางแล้ว" อวิ๋นเฟยตอบ "หรูหรง? ผู้บำเพ็ญหญิง? "
หลิงตู้ฉิงตอบแทนเขา ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ซือโถวเหวินหยวนคิดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ไป อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมาให้ใครได้ยิน ยิ่งไปกว่านั้นแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังคิดเหมือนเดิม เขาเกิดมาในขุมกำลังโบราณที่เก่าแก่ที่สุดที่มีอิทธิพลระดับต้น ๆ ของโลกรวมไปถึงที่เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญแล้ว ทำไมเขาถึงต้องคุกเข่าและบูชาเด็กที่ไม่มีการบ่มเพาะใด ๆ ต่อให้เป็นจักรพรรดิแล้วจะยังไง? ก็แค่จักรพรรดิเด็กมีอะไรให้น่าเคารพบูชากัน? หลิงตู้ฉิงมองไปที่การแสดงออกที่ไม่ยินยอมของซือโถวเหวินหยวน สีหน้าเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง จากนั้นเขาพูดขึ้นต่อ "เจ้าเองก็รู้ดีว่าลูกสาวคนที่สองของข้านั้นพิเศษมาก ๆ และลูกคนอื่น ๆ ของข้าก็เช่นกัน แล้วทำไมเจ้าไม่คิดว่ายี่เทียนก็พิเศษมากเช่นกัน? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมยี่เทียนถึงต้องกลายเป็นจักรพรรดิ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมผู้คนนับไม่ถ้วนถึงต้องคุกเข่าให้เขา? เพราะยี่เทียนเป็นราชันย์แห่งมวลมนุษย์! สายเลือดของเขาที่ไหลเวียนอยู่คือสายเลือดของราชันย์แห่งมวลมนุษย์! ในฐานะที่เจ้าคือมนุษย์เต็มตัวคนหนึ่งหากเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ ราชันย์แห่งมวลมนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นผู้กุมชะตาของเหล่ามวลมนุษย์ทุกคน แล้วทีนี้เจ้าจะได้รับประโยชน์ใด ๆ ได้ยังไง? "
หลังจากที่พูดจบ หลิงยี่เทียนก็สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเขาให้พาจางหมิงไป แน่นอนเขาจะทำให้คนอื่นเห็นว่าผลของการทรยศเขานั้นจะเป็นเช่นไร หลังจากรอให้คนของหลิงยี่เทียนพาจางหมิงออกไป หลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นว่า "เจ้าจงไปถามพี่สี่ของเจ้าทีว่าพวกเขายังพอเดินทางต่อได้หรือไม่ ถ้าพวกเขายังพอมีแรงอยู่ เราจะได้ไปอาณาจักรหลงซานกันในทันที" คนอื่น ๆ มองไปที่หลิงตู้ฉิง แต่เดิมพวกเขาวางแผนที่จะพักเอาแรงกันเป็นเวลา 2 วัน แต่นี่เพียง 1 วันเท่านั้นเอง? แต่เมื่อนึกถึงจางหมิง ทุกคนก็พอจะเดาได้ว่าหลิงตู้ฉิงต้องเห็นอะไรบางอย่างจากความทรงจำของจางหมิงแน่นอน ไม่งั้นหลิงตู้ฉิงคงไม่ต้องการที่จะไปอาณาจักรหลงซานในทันทีแบบนี้ จากนั้นไม่นาน หลิงว่านจุนก็เข้ามาและพูดว่า "ท่านพ่อ พวกข้าพร้อมที่จะไปต่อได้ทันที ทหารของข้ามีความอดทนพอที่จะสู้รบได้ต่อและข้ายังมีธงรบโลหิตจักรพรรดิ ซึ่งสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้กับพวกเขาได้ ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่ใด ๆ" หลิงตู้ฉิงพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อเลย! "